วันอาทิตย์ที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2554

ทำไมจึงต้องมีงานเตรียมผสมยาเคมีบำบัดในโรงพยาบาล

ยาเคมีบำบัดเป็นยากลุ่มที่ออกฤทธิ์เป็นพิษต่อเซลล์ต่างๆในร่างกายได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเซลล์ที่มีอัตราการเจริญเติบโตเร็วเช่น เซลล์รากผม รากขน เล็บ เซลล์เม็ดเลือดต่างๆ เป็นต้น นอกจากนี้แล้วการที่มันออกฤทธิ์ต่อเซลล์ได้โดยตรงนั้นกลไกการออกฤทธิ์ส่วนใหญ่จะเป็นการออกฤทธิ์โดยตรงที่ส่วนนิวเคลียสของเซลล์ซึ่งเป็นที่อยู่ของลักษณะทางพันธุกรรมของร่างกายเราเองที่รู้จักกันดีว่า DNA ยาจะเข้าไปออกฤทธิ์ทำให้ การสังเคราะห์ DNA เปลี่ยนแปลงไปหรือหยุดลงในขั้นตอนขั้นตอนหนึ่ง หากว่าเซลล์ๆนั้นเป็นเซลล์ที่ปกติไม่ใช่เซลล์มะเร็ง ก็มีผลที่เห็นได้ชัดเจนอยู่ 2 อย่างคือ เซลล์ตายและถูกทำลาย หรือเซลล์เกิดความปิดปกติทางพันธุกรรมขึ้นได้
แต่ดั้งเดิมนั้นงานเตรียมผสมยาเคมีบำบัดของโรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ เป็นงานที่ดำเนินการโดยพยาบาลประจำหอผู้ป่วย ซึ่งพบว่าเกิดการหก ฟุ้งกระจายของยาเคมีบำบัดบนหอผู้ป่วย จากการเก็บซากของยาที่ผ่านการเตรียมผสมมาแล้ว เภสัชกรซึ่งได้ผ่านการเรียนรู้ถึงกระบวนการเตรียมยาและเตรียมสถานที่เพื่อความปลอดภัยมาแล้วนั้นจึงได้นำยาเคมีบำบัดลงมาเตรียมผสมในสถานที่ที่จัดเตรียมอย่างถูกต้องตามหลักวิชาการ รวมทั้งใช้เทคนิคการเตรียมผสมยาเคมีบำบัดที่มีความปลอดภัยอย่างมาก นอกจากนี้ยังรวมไปถึงอุปกรณ์ป้องกันอีกหลายรายการซึ่งล้วนแต่ทำให้เกิดความปลอดภัยต่อผู้ปฏิบัติงานอย่างสูงสุด
ข้อดีอีกข้อหนึ่งสำหรับการเตรียมยาเคมีบำบัดโดยเภสัชกรก็คือว่า ยาถูกเตรียมผสมขึ้นมาในสถานที่แห่งเดียว ขยะจากการเตรียมผสมทิ้งรวมกันในสถานที่เดียว ทำให้การเก็บรวบรวมขยะ การส่งกำจัด ทำได้โดยง่ายและไม่มีการกระจายไปยังสถานที่อื่นๆในโรงพยาบาลหรือนอกโรงพยาบาล
ข้อดีอีกข้อหนึ่งซึ่งเป็นข้อดีที่เกิดขึ้นกับทางโรงพยาบาลก็คือ ประหยัดงบประมาณในการจัดซื้อยาเนื่องจากยาบางชนิดบรรจุมาในภาชนะที่มีปริมาณยาเพียงพอที่จะนำมาเตรียมให้กับผู้ป่วยได้หลายราย ทำให้ไม่ต้องเบิกยาภาชนะใหญ่เหล่านี้ไปเพื่อไปเตรียมยาให้แก่ผู้ป่วยรายเดียว ถือว่าก่อให้เกิดความประหยัดขึ้นในโรงพยาบาล

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น