ยาเคมีบำบัด (Cytotoxic agents)
โรคมะเร็ง (Cancer) เป็นโรคที่มีสาเหตุมาจากการเจริญเติบโตที่ผิดปกติของเซลล์ ซึ่งสาเหตุที่แท้จริงมีอยู่หลากหลายมาก ในการรักษาโรคมะเร็งนั้น ยาเคมีบำบัดที่มีพิษต่อเซลล์เป็นสิ่งสำคัญสำหรับการรักษามาก ซึ่งยาเคมีบำบัดดังกล่าวปัจจุบันเราสามารถแบ่งเป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ ตามลักษณะการออกฤทธิ์ต่อวัฏจักรของเซลล์ (Cell cycle) ได้แก่
1. Cell cycle-specific cytotoxic drugs เช่น ยากลุ่ม Nitrogen mustard, anthracyclin เป็นต้น
2. Cell cycle-non specification drugs เช่น ยากลุ่ม Taxanes, Vinca alkaloids เป็นต้น
แต่ถ้าเราจะแบ่งตามคุณสมบัติทางชีวเคมี (Biochemical) จะสามารถแบ่งได้ 6 กลุ่ม ได้แก่
1. Alkylating agents
a. Nitrogen mustard : Cyclophosphamide , Ifosfamide
b. Platinum analogues : Cisplatin, Carboplatin, Oxaliplatin
2. Antimetabolite
a. Folate antagonist : Methotrexate,Pemetrexed
b. Purine analogues : Mercaptopurine (6-MP),Thioguanine (6-TG),Fludarabine\
c. Pyrimidine analogues : 5-FU,Cytarabine,Gemcitabine,Capecitabine
3. Enzyme inhibitors
a. Antibiotics : Mitomycin C
b. Anthracyclin : Doxorubicin,Idarubicin,Mitoxantrone,Epirubicin
4. Anti-microtubules
a. Vinca alkaloids : Vincristine,Vinblastine,Vinorelbine
b. Taxanes : Paclitaxel,Docetaxel
5. Hormonal agents
a. Antiandrogens : Flutamide,Bicalutomide
b. SERM : Tamoxifen
c. Aromatase inhibitors : Letrozole,Anastrozole,Exemestane
6. Miscellaneous
a. L-Asparaginase
b. Hydroxy urea
การรักษาโรคมะเร็ง
การรักษาโรคมะเร็งนั้นมีอยู่ด้วยกัน 3 ส่วนด้วยกัน ได้แก่
1. การผ่าตัด (Surgery) เป็นการรักษาที่มุ่งเน้นการตัดเอาก้อนเนื้อออกจากบริเวณที่เป็น ซึ่งเป็นการรักษาแบบเฉพาะที่ (local treatment) ในบางครั้งการผ่าตัดนั้นจะกระทำเพื่อนำเอาชิ้นเนื้อส่วนที่เป็นโรคมาตรวจเพื่อดูลักษณะทางเซลล์วิทยา และกำหนดระดับขั้นของโรคมะเร็ง
2. การฉายรังสีรักษา (Radio therapy) เป็นการรักษาแบบเฉพาะที่เช่นกัน เหมาะกับการรักษามะเร็งที่มีก้อนที่กำลังโตอย่ารวดเร็วไม่สามารถผ่าตัดได้
3. การให้ยาเคมีบำบัด (Chemotherapy) เป็นการรักษาที่หวังผลแบบ Systemic อาจจะแบ่งได้เป็น 2 แบบ
a. Neo-adjuvant chemotherapy : เป็นการให้ยาเคมีบำบัดก่อนที่จะทำการผ่าตัด เพื่อลดขนาดของก้อนมะเร็งให้เล็กลงเพื่อใหสามารถผ่าตัดได้สะดวก
b. Adjuvant chemotherapy : เป็นการให้ยาเคมีบำบัดหลังจากการผ่าตัดเอาก้อนเนื้อออกไปแล้ว เพื่อทำลายเซลล์มะเร็งที่ยังอาจหลงเหลืออยู่จากการผ่าตัด (Micrometastase)
ในการให้ยาเคมีบำบัดนั้น หากจะแบ่งตามลักษณะของโรคมะเร็งแล้วจะสามารถแบ่งได้ 2 แบบ ได้แก่
1. Solid tumor ในมะเร็งที่เป็นก้อนเช่น Breast cancer,colorectal cancer การให้ยาเคมีบำบัดจะมีกำหนดการให้ยาที่แน่นอนทั้งจำนวนครั้งและระยะเวลาในการมารับยาซ้ำ เช่น ให้ยาทั้งหมด 6 ครั้ง (cycles) ห่างกันครั้งละ 3 สัปดาห์เป็นต้น
2. Liquid tumor มะเร็งที่เป็นของเหลวในที่นี้ได้แก่ มะเร็งในระบบเลือดทั้ง มะเร็งเม็ดเลือดขาว (leukemias) และ มะเร็งต่อมน้ำเหลือง (lymphomas) นั้น เราจะให้ยาเคมีบำบัดตามช่วงระยะเวลาและการตอบสนองต่อยาของโรค เช่น
Acute Leukemia จะแบ่งการให้ยาเป็น 3 ระยะ (phases) ได้แก่
a. A. Induction phase : ให้ยาเคมีบำบัดที่ค่อนข้างแรงและขนาดสูง เพื่อทำให้โรคเข้าสู่ระยะสงบ(remission)
b. B. Consolidation phase : ให้ยาเคมีบำบัดซึ่งอาจจะเป็นสูตรยาเดิมแต่ในขนาดที่ลดลงมา หรือสูตรยาอื่น เพื่อกำจัดเซลล์มะเร็งที่ยังอาจหลงเหลืออยู่ร่างกายให้หมดไป ไม่ให้โรคเกิดความรุนแรง (progression) ขึ้นอีก
c. Maintainance phase : ให้ยาเคมีบำบัดจำนวนน้อยๆแต่ต่อเนื่องกันในระยะเวลานานเพื่อควบคุมไม่ให้โรคกลับมาเป็นซ้ำ (relapse) ได้อีก
การให้ยาเคมีบำบัดในผู้ป่วยโรคมะเร็งนั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องให้ยาหลายๆตัวในสูตรเดียวกัน ซึ่งการให้ยาหลายตัวในสูตรเดียวกันเราเรียกว่า Regimen จุดประสงค์คือต้องการที่จะกำจัดเซลล์มะเร็งในทุกระยะของวัฏจัรเซลล์ (cell cycle) ซึ่งแต่ละสูตรยานั้นได้มาจากการทดลองทั้งในห้องปฏิบัติการและผู้ป่วย (Clinical trial) โดยเราสามารถจะเลือกใช้ยาแต่สูตรให้เหมาะกับโรคมะเร็งในแต่ละระยะของโรคได้ (stage) และสามารถปฏิบัติตามแนวทางที่เป็นสากลซึ่งที่นิยมที่สุดนั้นจะยึดตามแนวทาง (Guideline) ของ National Comprehensive Cancer Network (NCCN;www.nccn.org)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น